ทีทีอาร์ดึงตลาดหุ้นเมืองปลาดิบเป็นพันธมิตรกับเอ็มเอไอของไทย หวังดูดนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาระเริงไฟ ลุ้นบิ๊กซิกซ์ญี่ปุ่นร่วมแจมหนุนตลาดทุนไทยทะลัก สุดปลื้มงานลาติน บิสิเนส ฟอรัม  2010 ได้ผลปลุกการค้า-การลงทุนระหว่างไทย-อเมริกาใต้กระหึ่ม

นายวัชระ พรรณเชษฐ์ ผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 พ.ย. นี้ ทีทีอาร์ได้เชิญนายเทชูตาโร่ มูรากิ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอของไทย รวมถึงนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท) มาหารือเพื่อแลกเปลี่ยนแนวความคิดแนวทางที่จะดึงดูดให้นักลงทุนของทั้ง 2 ประเทศเข้ามา จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอไอเอ็มของญี่ปุ่นและเอ็มเอไอของไทย เพื่อเพิ่มช่องทางในการระดมทุนในการทำธุรกิจ นอกเหนือไปจากการกู้เงินจากสถาบันการเงินหรือใช้ทุนของตัวเอง

"ที่ผ่านมาบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด  แต่ไม่เคยมีเข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด แต่ไม่เคยมีความร่วมมือในด้านตลาดทุนกันเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ ขณะเดียวกันหากร่วมมือกันได้จะเป็นประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย โดยเฉพาะนักลงทุนไทยที่ต้องการออกไปลงทุนในญี่ปุ่นซึ่งมีช่องทางระดมเงินทุนเพิ่มมากขึ้นด้วย และมีต้นทุนเงินที่ตำ ที่สำคัญ จะได้ประโยชน์ จากการที่บิ๊กซิกซ์ (Big 6) หรือบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น อย่างโนมูระ นิกโก้ มิซูโฮ มิตซูบิชิ หรือไดว่า เข้ามาช่วยสนับสนุนในการดำเนินการด้วยเพราะทั้ง 6 บริษัทนี้ทำงานอยู่กับตลาดหลักทรัพย์เอไอเอ็มของญี่ปุ่นอยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นการการันตีให้หุ้นของบริษัทไทยมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น"

นายวัชระกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนให้เอกชนเข้าไปจดทะเบียนในจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 2 ประเทศ จะเน้นรายกลางที่เตรียมตัวเป็นบริษัทใหญ่ โดยมีเงินทุนประมาณ 400-500 ล้านบาท เชื่อว่าเมื่อทำความเข้าใจร่วมกันแล้วจะไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของทั้ง 2 ประเทศต่อไป

ผู้แทนการค้าไทยกล่าวยืนยันว่า ประเทศไทยยังเป็นพื้นที่ลงทุนที่ญี่ปุ่นให้ความสนใจมาก เห็นได้จากการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกครั้งล่าสุดที่ประเทศญี่ปุ่น ที่บรรดานักลงทุนชาวญี่ปุ่นต่างสอบถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงนโยบายในอนาคตข้างหน้า โดยเฉพาะการรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนกันมาก ขณะที่ไม่ได้ให้ความสนใจกับปัญหาเรื่องมาบตาพุดและเรื่องการเมืองไทยแต่อย่างใด

"นอกจากนี้ ผลจากการจัดงานลาติน บิสิเนส ฟอรั่ม 2010 ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้ทำให้ประเทศอาร์เจนตินา บราซิลและเปรู ได้ตัดสินใจที่จะจัดงานในรูปแบบเดียวกันใน 3 ประเทศ ภายในปี 2554 ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการต่อยอดได้เป็นอย่างดี และมั่นใจว่าการเปิดตลาดการค้าการลงทุนร่วมกับละตินอเมริกาจะประสบความสำเร็จได้เร็วกว่าเป้าหมายที่กำหนดว่าจะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 440,000 ล้านบาทในอีก 4 ปีข้างหน้า จากเดิมที่กำหนดไว้ 5 ปี ขณะเดียวกัน ทีทีอาร์จะชักชวนไปยังกองทุนการเงินต่างๆของไทยให้ความสนใจที่จะเข้าไปร่วมทุนหรือร่วมลงทุนในตลาดละตินอเมริกาด้วย ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นประโยชน์กับค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลงด้วย" นายวัชระกล่าวยำ